“แสตมป์ แฟร์เท็กซ์” เผยเบื้องหลังความสำเร็จในปีทองของชีวิตที่ต้องแลกมาด้วยความอดทนผ่านร้อนผ่านหนาว ก่อนจะก้าวสู่การเป็นแชมป์โลก 3 กีฬาคนเดียวของโลกได้สำเร็จ
หนึ่งในเหตุการณ์สำคัญตลอดปี 2566 ที่ผ่านมา แน่นอนว่าจะต้องมีชื่อของ “แสตมป์ แฟร์เท็กซ์” นักสู้สาวแกร่งจากระยอง วัย 26 ปี ที่สร้างประวัติศาสตร์กลายเป็นนักกีฬาการต่อสู้คนแรกและคนเดียวในโลกที่สามารถขึ้นนั่งบัลลังก์แชมป์โลกได้ถึง 3 ชนิดกีฬา ได้แก่ มวยไทย, คิกบ็อกซิ่ง และการต่อสู้แบบผสมผสาน (MMA) หลังสามารถคว้าตำแหน่งแชมป์โลก ONE MMA รุ่นอะตอมเวต (105-115 ป.) มาครองได้สำเร็จจากการเอาชนะทีเคโอ “ฮาม ซอ ฮี” สาวขาลุยรุ่นใหญ่ วัย 36 ปี จากเกาหลีใต้ ในศึก ONE Fight Night 14: แสตมป์ vs ซอ ฮี เมื่อเดือนกันยายน
แต่กว่าจะก้าวมาถึงจุดสูงสุดบนยอดพีระมิดของนักกีฬาการต่อสู้ “แสตมป์” เปิดเผยว่าเบื้องหลังความสำเร็จ คือการทุ่มเทฝึกซ้อมที่เข้มข้น และหนักหน่วงเกินจะบรรยาย ซึ่งแม้บางครั้งจะหนักหนาถึงขั้นหมดเรี่ยวแรงที่จะไปต่อ แต่เธอก็อดทนกัดฟันสู้ เพราะรู้ว่าผลลัพธ์ที่รออยู่จะต้องคุ้มค่าต่อหยาดเหงื่อและหยดน้ำตาที่ต้องเสียไป
“กว่าจะประสบความสำเร็จได้ในทุกวันนี้ หนูต้องมีความอดทน และต้องขยันสุด ๆ ด้วยค่ะ เพราะหนูชกทั้งคิกบ็อกซิ่ง มวยไทย แล้วก็ MMA ซึ่งพอซ้อม MMA ก็ทำให้ต้องซ้อมควบคู่กับบราซิลเลียนยูยิตสู (BJJ) ไปด้วย แล้วต้องเสริมเวตเทรนนิงเข้าไปอีก เรียกได้ว่าต้องซ้อมทุกอย่างจริง ๆ ซึ่งหนูน่าจะเป็นคนที่ซ้อมหนักที่สุดในค่ายเลย”
“ซ้อมหนักที่ว่าคือซ้อมเหนื่อยจนแบบไม่มีแรงที่จะซ้อมต่อแล้ว แต่ก็ยังต้องลุกขึ้นมาซ้อมต่อ ก็มีบ้างที่ต้องร้องไห้ออกมาเพื่อระบาย แต่สุดท้ายก็ต้องเช็ดน้ำตาแล้วซ้อมต่อ เพราะหนูรู้ว่าสิ่งตอบแทนที่จะได้หลังจากนี้จะคุ้มค่า เราร้องไห้ตรงนี้ เจ็บตรงนี้ เหนื่อยตรงนี้ดีกว่าไปร้องไห้เสียใจเวลาแพ้บนเวที”
ด้วยความสำเร็จระดับประวัติศาสตร์ในครั้งนี้ ส่งผลให้ “แสตมป์” ถูกยกให้เป็น “นักกีฬา MMA ยอดเยี่ยมประจำปี 2566” ยิ่งไปกว่านั้น เธอยังกลายเป็นนักสู้ผู้หญิงชาวไทยคนแรกที่จะได้รับค่าตัว 10 ล้านบาท ในไฟต์ถัดไปซึ่งเป็นรางวัลชิ้นโบว์แดงจากบิ๊กบอส “ชาตรี ศิษย์ยอดธง”
โดยเมื่อมองย้อนกลับไปในอดีตที่เคยชกมวยได้ค่าตัวเพียงหลักพันบาท ทำให้เธอยอมรับว่ารู้สึกภูมิใจมากกับความเพียรพยายามที่ช่วยให้ตนซึ่งไม่ได้เกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ สามารถเดินทางไกลมาถึงทุกวันนี้ได้ พร้อมฝากคำแนะนำไปยังคนที่ไม่มีพรสวรรค์เช่นเดียวกัน ให้ใช้พรแสวงเข้ามาทดแทนเหมือนที่ตนทำมาตลอด แล้วความสำเร็จจะเข้ามาหาเองในไม่ช้าก็เร็ว
“ถ้าจะให้บอกคนที่ไม่มีพรสวรรค์เหมือนหนู ก็ใช้ความอดทน ความมีวินัยเข้ามาแทน ยิ่งเราฝึกมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเก่งมากเท่านั้น อาจจะไม่ได้เก่งเร็ว แต่ก็ค่อย ๆ ไต่ไปเรื่อย ๆ ทีละขั้น ก็จะช่วยสร้างให้เราเป็นคนที่แข็งแกร่งมากขึ้น มีระเบียบวินัยมากขึ้น ซึ่งตรงนี้มันจะช่วยให้เราประสบความสำเร็จในสักวันหนึ่ง”
สำหรับเป้าหมายต่อไปหลังพิชิตแชมป์โลกได้ครบ 3 ชนิดกีฬาในรุ่นอะตอมเวต “แสตมป์” เปิดเผยว่าอยากจะลองเผชิญความท้าทายครั้งใหม่ ด้วยการปีนเวตขึ้นไปท้าชิงตำแหน่งแชมป์โลก ONE MMA ในรุ่นสตรอว์เวต (115 – 125 ป.) ของ “ซง จิง หนาน” นักสู้สาวจีนจอมแกร่งผู้ไม่เคยปราชัยให้กับใครในรุ่นนี้ เพื่อทดสอบศักยภาพของตัวเองว่ามีดีพอที่จะคว้าแชมป์โลก 2 รุ่นน้ำหนักได้หรือไม่
“เป้าหมายต่อไปของคืออยากจะลองขยับรุ่นไปสู้กับ ซง จิง หนาน อยากดูว่าตัวเองจะไปได้ไกลขนาดไหน อยากรู้ว่าตัวเองมีลิมิตขนาดไหน แล้วก็เป็นความท้าทายให้ตัวเองด้วย ว่าเราจะทำได้ไหม”
“ซง จิง หนาน เป็นนักมวยที่เก่งคนหนึ่ง เขาออกอาวุธได้คมเหมือนกัน หนูว่ามันเป็นความท้าทายอย่างหนึ่งที่ต้องทำให้ได้ แต่ถ้าทำไม่ได้ก็ไม่เสียของ เพราะอย่างน้อยก็ได้เปิดโอกาสให้ตัวเองได้ลองอะไรใหม่ ๆ ซึ่งแม้ไม่รู้ว่าจะทำได้ไหม แต่ก็อยากลองดูค่ะ”
ขอบคุณที่มา : onefc